bih.button.backtotop.text

ความประทับใจไม่รู้จบกับการตรวจวินิจฉัยอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการรักษาที่ตรงจุด

“ขอชื่นชมเรื่อง sense of urgency ของโรงพยาบาล ถ้าวันนั้นคุณหมอไม่รับ case ก็ต้องไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลอื่น อาจผ่าตัดมะเร็งลำไส้ฟรีด้วย ชีวิตตอนนี้คงใส่ถุงทวารหน้าท้องอยู่”

คุณศุภวรรณ ผู้ป่วยวัย 44 ปีได้รักษาโรคริดสีดวงทวารและโรคไวรัสตับอักเสบเอที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในอำเภอศรีราชา ในวันที่เสร็จสิ้นการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบเอ แพทย์ได้ทำ MRI เพื่อตรวจดูสภาพของตับ แพทย์พบก้อนบางอย่างอยู่ที่ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย จึงได้แนะนำให้คุณศุภวรรณมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เพราะมีเครื่องมือทางการแพทย์ที่พร้อมมากกว่า

คุณศุภวรรณ จึงได้มารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยว่าคุณศุภวรรณ เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และต้องเตรียมตัวเพื่อทำผ่าตัดประมาณ 1 เดือน โดยระหว่างนั้น คุณศุภวรรณได้มาพบกับ นพ. วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านลำไส้ใหญ่และทวารหนักของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จากคำแนะนำของเพื่อน ซึ่งแพทย์ได้บอกว่าอาการของคุณศุภวรรณ อาจเกิดขึ้นได้จากหนึ่งในสองสาเหตุคือ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่หรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ซึ่งหากคุณศุภวรรณตัดสินใจรักษากับบำรุงราษฎร์ แพทย์จะแนะนำทีมแพทย์ผู้ชำนาญด้านการผ่าตัดส่องกล้องให้ ในตอนนั้นคุณศุภวรรณ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมารักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์โดยทันที แต่หลังจากได้รับการบริการที่ไม่ประทับใจจากโรงพยาบาลที่เลือกรักษาในตอนแรก ทำให้คุณศุภวรรณตัดสินใจมารักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

 

ประทับใจในการบริการที่รวดเร็ว ความเป็นมืออาชีพและการทำงานเป็นทีมแบบสหวิชาชีพของบำรุงราษฎร์

คุณศุภวรรณได้มาพบกับ รศ. คลินิก นพ.ทศพล เกิดศิริชัยรัตน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์ โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ซึ่งแพทย์ให้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลได้เลยเพราะได้ทราบประวัติจากเอกสารที่มาจากโรงพยาบาลต้นทางอยู่แล้ว ทำให้คุณศุภวรรณรู้สึกประทับใจในการประสานงานที่รวดเร็ว รวมถึงการอธิบายขั้นตอนการรักษาที่ละเอียดและเป็นไปตาม guideline คุณศุภวรรณกล่าวว่า “วันแรกแอบเครียด หมอบอกว่ายังไม่ตัดเรื่องมะเร็งออกไป แต่ด้วยความใส่ใจของคุณหมอและความเชื่อใจในความเก่งของคุณหมอ ถ้าหากเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่จริงก็น่าจะเป็นระยะที่ 3 ซึ่งผลของการรักษายังดีมากอยู่ แต่เรามั่นใจมากขึ้นว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้น”

จากผลการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเครื่องเพทซีที (PET-CT) รศ. คลินิก นพ.ทศพล สงสัยว่าผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายมีการติดสีมากกว่าปกติ แต่เมื่อตรวจลำไส้ด้วยการส่องกล้องทั้งแบบทั่วไปและการส่องกล้องอัลตราซาวด์ แพทย์ไม่พบความผิดปกติใดๆ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ลดลงมาก และความเป็นไปได้ของภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่นั้นสูงขึ้นมาก นอกจากนี้ รศ. คลินิก นพ. ทศพลยังได้ให้ความสำคัญกับประวัติเล็กน้อยที่แพทย์ท่านอื่นไม่ได้ถามในรายละเอียดในอดีต ที่นำไปสู่การวินิจฉัยได้เช่น ผู้ป่วยจะมีปวดท้องช่วงล่างพร้อมกับมีเลือดออกทางทวารหนักในช่วงที่ตรงกับรอบประจำเดือนในอดีต ทั้งที่ในปัจจุบันผู้ป่วยไม่ได้มีประจำเดือนแล้ว เนื่องจากตัดมดลูกทิ้งไปหลายปีก่อน รศ. คลินิก นพ. ทศพลจึงได้ปรึกษา นพ. ณวรา ดุสิตานนท์ ศัลยแพทย์ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ที่สนับสนุนแนวคิดที่ว่าผู้ป่วยอาจจะมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือช็อกโกแลตซีสต์ หลังจากนั้น รศ. คลินิก นพ. ทศพลจึงได้ปรึกษากับ พญ. ชนิตา เกษประทุม และ รศ.นพ. ดำรง ตรีสุโกศล ซึ่งทั้งสองท่านเป็นแพทย์สูตินรีเวช ผู้ชำนาญด้านมะเร็งนรีเวชและการผ่าตัดด้วยกล้อง ทั้งนี้แพทย์ทั้งสองท่านได้อธิบายถึงทางเลือกของการรักษาภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ก่อนการผ่าตัด ทั้งการรักษาด้วยยา และการรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งผู้ป่วยมีความประสงค์ให้ตัดรังไข่หากพบเป็นภาวะดังกล่าวจริง จากนั้น พญ. ชนิตาได้ทำการผ่าตัดด้วยการส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง และยืนยันได้ว่าผู้ป่วยมีภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ แพทย์จึงได้ตัดรังไข่เพื่อหยุดยั้งการผลิตฮอร์โมน ซึ่งจะทำให้ก้อนเนื้อเยื่อที่เจริญผิดที่ในผนังลำไส้ค่อย ๆ ฝ่อไป ผลการรักษาจากการผ่าตัดของ พญ. ชนิตา และ รศ. นพ. ดำรง และการรักษาด้วยยาจาก รศ. คลินิก นพ. ทศพล เป็นไปด้วยดี โดยที่ผู้ป่วยไม่มีภาวะเลือดไหลทางทวารหนักอีกเลย

คุณศุภวรรณเล่าถึงความประทับใจให้เราฟังว่า “ประทับใจว่าหมอที่นี่เก่ง จบจากต่างประเทศแต่ไม่มีอีโก้ ฟังคนไข้และเอาข้อมูลไปเป็น input และหมอมีการประชุมกัน ช่วยกัน…ชอบความเป็น teamwork การบริการและความ professional ไม่ว่าจะเป็นของคุณหมอหรือทีมงาน การประสานงานและการสื่อสาร ถือว่าเยี่ยมเลย นอกจากนี้ยังประทับใจในบุคลากรทั้งหมด ทุกคนมี service mind ที่ดี ทุกอย่างไม่ต้องรอนาน รวมถึงเรื่องของประกันที่เราแทบไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ความเป็นมืออาชีพในการ deal กับประกัน ไม่ได้คิดแต่เรื่องกำไร แต่ยังแคร์เรื่องค่าใช้จ่ายว่าประกันจะครอบคลุมไหม ทำให้คนไข้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม”


 

การรักษาที่เหมือนได้ชีวิตใหม่

คุณศุภวรรณเล่าว่า “หน้าตาสดใสมากขึ้น กินอาหารดีขึ้น ออกกำลังกายทุกวัน กลับมาดูแลตัวเองมากขึ้นเหมือนได้ชีวิตใหม่”

และได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “บอกทั้งที่บ้านและที่ทำงานว่าหากเป็น serious case ให้มาที่นี่ด้วยความเป็น professional ในการรักษา”



 

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:


แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

Related Health Blogs