bih.button.backtotop.text

กำลังใจจากมือที่อบอุ่น ช่วยทำให้ฟื้นตื่นขึ้นอย่างแข็งแรง

          จะมีสักกี่คนที่กลัวว่าหากหลับไปแล้วจะไม่ตื่นขึ้นอีก จะมีสักกี่คนที่กลัวความจำหายไป จำแม้แต่คนที่รักไม่ได้ จะมีสักกี่คนที่ต้องเผชิญกับโรคภัยที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ความอยากเอาชนะจากสิ่งเหล่านี้เป็นแรงผลักที่สำคัญ ที่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ก้าวออกจากความกลัว และตัดสินใจเลือกที่จะรักษาที่ศูนย์ความเป็นเลิศด้านมะเร็งฮอไรซัน โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ผู้หญิงคนนั้นก็คือนักกฎหมายสาวชาวเวียดนาม คุณ Nguyen Thi Kieu Vuong

vietnam-patient-lymphoma.jpg

          เรื่องราวของเธอ เริ่มในช่วงปี 2014 ด้วยการตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านม “ตอนแรกฉันเริ่มรู้สึกว่าจะเจ็บๆบริเวณหน้าอก เลยไปหาหมอ ก็มีการตรวจและเก็บชิ้นเนื้อไป จนหมอวินิจฉัยว่าฉันเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน” เธอเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
          “ตอนนั้นเลยรักษาตัวในโรงพยาบาลที่โฮจิมินห์ ซึ่งทำเคมีบำบัดไป 8 รอบ มะเร็งที่เต้านมก็หายไป แต่ไม่นานเท่าไหร่ ก็เริ่มมีอาการอ่อนแรง ปวดหัวมาก เลยไปหาหมออีกครั้ง คราวนี้พบว่ามะเร็งกลับมาอีกครั้ง และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนั้นมันลามไปที่สมองด้วย ตอนนั้นทั้งเครียด ทั้งกังวลมาก” คุณ Nguyen Thi Kieu Vuong เล่าถึงอาการที่ทรุดหนักของเธอ
 

จุดเริ่มต้นการรักษาที่ Horizon Cancer Center

          ด้วยระยะเวลาที่ต้องรักษาอย่างรวดเร็ว และความเชื่อมั่นในการรักษาโรคที่ซับซ้อนทั้งต่อร่างกายและจิตใจของเธอ ทำให้ต้องมีการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมในการรักษา “ตอนแรกก็กังวลไปหมดว่าจะรักษาที่ไหนดี เพราะถ้าต้องรอหมอที่เก่งๆที่เวียดนาม ก็จะต้องรอคิวนานมาก กลัวไม่ทันการ เผอิญว่ามีไปสัมมนาทางวิชาการก่อนหน้านี้ และมีเคสของคนที่เป็นมะเร็งได้แชร์ประสบการณ์ รวมทั้งยังมีเพื่อนๆที่มีความรู้ มีข้อมูลตรงนี้เยอะ ก็แนะนำให้มาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์” เธอเล่าถึงเรื่องที่ทำให้ตัดสินใจมารักษาที่ประเทศไทย

vietnam-patient-lymphoma_2.jpg

          “ความจริงตอนนั้น มีตัวเลือกอีกสามสี่ที่นะ ทั้งในเกาหลี สิงคโปร์ หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา แต่ที่เลือกที่บำรุราษฎร์ เพราะเป็นประเทศไทยเป็นประเทศที่ชอบเดินทางมาเที่ยวอยู่แล้ว เดินทางสะดวกง่ายนั่งเครื่องบินแค่ 2 ชั่วโมง ที่สำคัญมีชื่อเสียงด้านการรักษามะเร็งมาก และค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้แพงถ้าเทียบกับตัวเลือกอื่นๆ เลยตัดสินใจเดินทางมาเลย”
 

ความอบอุ่นที่ได้รับ เพิ่มกำลังใจให้ตื่นขึ้นจากการผ่าตัด

            มีเรื่องที่สร้างกำลังใจสำคัญให้กับเธอ ในช่วงที่ต้องเผชิญกับการรักษามะเร็งที่สมองของเธอ ซึ่งหากไม่ได้รับการเอาใจใส่ในการรักษาที่ดี คงทำให้เธออาจไม่ได้ฟื้นตัวและกลับมาเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรงดีได้ในทุกวันนี้ “ตอนที่เข้ามารักษาตอนแรกนั้น หมอให้ทำเคมีบำบัดก่อน พอมีระยะที่เม็ดเลือดขาวต่ำ ก็ให้ยาเพิ่ม พออยู่ในระยะที่เหมาะก็ทำเคมีบำบัดต่อ จำได้ว่าทำเคมีบำบัดไปทั้งหมด 12 รอบ”
          “หลังจากการครบรอบการใช้เคมีบำบัด คุณหมอได้บอกว่า จะทำรักษาการผ่าตัด รวมกับการใช้ Stem cell ของตัวเอง ... ตอนนั้นยิ่งรู้สึกกังวลมาก กลัวว่าตัวเองจะไม่ตื่นขึ้นมาหลังการผ่าตัด กลัวว่าตัวเองจะความจำเสื่อมจำใครไม่ได้ แม้แต่คนในครอบครัว หรืออาจจะถึงขั้นเสียชีวิต” เธอเล่าด้วยสีหน้าที่เศร้าและเครียด
          “แต่คุณหมอ ได้พูดแบบยิ้มๆ และให้ความมั่นใจว่า หลังการผ่าตัดที่สมองนะ รับรองว่า ตื่นขึ้นมา เหมือนได้เปลี่ยนหัวอันใหม่แน่นอน ซึ่งมันทำให้ฉันหายกังวลลงได้บ้าง พอถึงวันผ่าตัดจริงๆ ช่วงเวลาก่อนเริ่มผ่าตัด มือฉันนี่เย็นเฉียบเลย แต่เชื่อไหมว่ามีพยาบาลได้มากุมจับมือดิฉันเอาไว้ ความเย็นนั้นหายไปกลายเป็นความอบอุ่นแบบบอกไม่ถูก และการผ่าตัดนั้นก็ผ่านไปได้อย่างดีมาก”


การรักษาที่ดีและได้ผลที่สุด อยู่ที่ตัวของเรา

 
vietnam-patient-lymphoma_3.jpg


          ปัจจุบันนี้ อาการของโรคมะเร็งของเธอนั้น เรียกได้ว่าตรวจไม่พบแล้วมะเร็ง แต่ก็ยังมาตรวจติดตามผลทุกๆ 6 เดือน ตอนนี้ก็มาตรวจติดตามมากว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งเธอได้เล่าถึงความรู้สึกที่ดีในการรักษาที่ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านมะเร็งฮอไรซัน นี้ว่า “ต้องขอขอบคุณ ทุกๆคนที่ศูนย์ฮอไรซัน มาก ที่ทำให้ได้ชีวิตที่แข็งแรงกลับคืนมาและ ความจำก็ยังดีอยู่ ขอขอบคุณคุณหมอ ที่ทำให้ทุกอย่างมีความสุขเหมือนที่เคยเป็นก่อนจะป่วย ขอขอบคุณพยาบาลท่านหนึ่งซึ่งแม้จะไม่ได้รู้จักกัน แต่ก็ดูแลอยู่ไม่ห่างและคอยกุมมือดิฉัน แม้จะต้องเผชิญกับสิ่งที่กลัวที่สุด รวมทั้งยังมีความประทับใจจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่เคยคิดว่าจะได้รับการเอาใจใส่แบบนี้มาก่อน อย่างเช่นความเป็นมืออาชีพในการแทงเส้นฉีดยาให้สารน้ำทางหลอดเลือด ทำได้ดีมากไม่รู้สึกเจ็บเลย และเรื่องของภาษาก็หมดกังวล เพราะมีล่ามช่วยสื่อสารทุกขั้นตอน ทำให้เราหายห่วงได้จริงๆ”

vietnam-patient-lymphoma_4.jpg

          “อยากบอกผู้ที่กำลังต้องเผชิญกับโรคมะเร็งแบบที่ดิฉันเคยเจอว่า 50% นั้นอยู่ที่การรักษาของโรงพยาบาล แต่อีก 50% นั้นต้องอยู่ที่ตัวของเราเอง ไม่ท้อ ไม่ถอย และก้าวต่อไปให้ได้ ที่สำคัญอย่าไปรักษาเองโดยห่างจากมือแพทย์” เธอกล่าวสรุปปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

Related Health Blogs