bih.button.backtotop.text

ปวดคอ

อาการปวดคอเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจําวันเนื่องจากกิจกรรมของคนเราต้องทําในท่านั่ง ทําให้คอต้องทําหน้าที่รับน้ำหนักจากศีรษะตลอดทั้งวัน รวมทั้งคอยังเป็นอวัยวะที่สามารถเคลื่อนไหว ได้หลายทิศทาง ทั้งก้ม เงย เอียงและหมุน ปัจจัยดังกล่าวข้างต้นทําให้พบปัญหาปวดคอได้ 50% ในช่วงชีวิตของเรา

สาเหตุ
1. ลักษณะท่าทางที่ไม่ถูกต้อง
  • นั่งทํางานด้วยโต๊ะและเก้าอี้ที่ไม่ได้ระดับสัมพันธ์กับสรีระร่างกาย
  • เอียงคอคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน
  • ทํางาน / เล่นคอมพิวเตอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • นอนคว่ำหน้าเป็นประจําหรือเงยคอทํางานต่อเนื่องเป็นเวลานาน เป็นต้น สาเหตุดังกล่าวพบได้ทุกเพศทุกวัย มักมีอาการปวดกล้ามเนื้อแถวคอและสะบักในด้านที่ใช้งานบ่อยๆ
2. ภาวะข้อเสื่อม/ ข้ออักเสบ อาการข้อเสื่อมเป็นภาวะที่พบได้เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกและข้อต่อจะมี หินปูนมาพอกหรือมีโรคข้อบางชนิด เช่น รูมาตอยด์ ก็อาจทําให้ปวดคอได้เช่นกัน
3. ภาวะเครียดทางจิตใจ อาจมีสาเหตุจากหน้าที่การงาน ปัญหาเศรษฐกิจ ครอบครัว การพักผ่อน ไม่เพียงพอ เป็นต้น ซึ่งสาเหตุดังกล่าวทําให้กล้ามเนื้อคอหดเกร็งนานผิดปกติ มีอาการปวดคอและศีรษะ แถวท้ายทอยได้
4. อุบัติเหตุบริเวณคอ ภาวะดังกล่าวทําให้คอต้องเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เอ็นหรือกล้ามเนื้อต้องถูกยืดอย่างมากจนเกิดอาการฉีกขาด เกิดอาการปวดและกล้ามเนื้อหดเกร็งจนเคลื่อนไหวไม่ถนัด หรือถ้าเกิดอุบัติเหตุรุนแรงอาจมีกระดูกคอหักหรือเคลื่อนที่ได้
5. สาเหตุอื่นๆ เช่น มีกระดูกคอผิดปกติแต่กําเนิด สายตาผิดปกติ เป็นต้น
 
ปวดตึงหรือตื้อบริเวณคอ อาจร้าวมาที่บ่า สะบักหรือแขน ในบางรายอาจมีอาการอ่อนแรงร่วมกับ อาการชา เคลื่อนไหวคอได้น้อยลง
 
เมื่อมีอาการปวดคอควรหยุดพัก ประคบคอด้วยความร้อนหรือความเย็นประมาณ 15-20 นาที หรือใช้ เครื่องพยุงคอหรือผ้าขนหนูม้วนที่หนาและยาวพอที่จะรับน้ำหนัก พันรอบคอไว้เพื่อจํากัดการเคลื่อนไหว และลดแรงกดจากน้ำหนักของศีรษะ อาจรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอลหรือแอสไพริน เป็นต้น ถ้าหากว่ารับประทานยา 5-7 วัน แล้วอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
 
การบริหารกล้ามเนื้อคอเป็นส่วนสําคัญที่สุดในการรักษาอาการปวดคอเพราะจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ทําให้โอกาสที่จะปวดคอในครั้งต่อไปลดลง
 
จัดท่าในชีวิตประจําวันให้เหมาะสม เช่น ไม่นอนคว่ำเป็นประจํา ระวังและหลีกเลี่ยงอิริยาบถและท่าทาง ที่ต้องมีการก้มและเงยคอบ่อยๆ

1. ท่านอน ไม่ควรหนุนหมอนที่แข็งหรือนุ่มเกินไป ควรใช้หมอนรองที่ใต้ต้นคอให้ใบหน้าขนานกับเตียงพอดี
2. ท่าทางการทํางาน จัดโต๊ะทํางานและเก้าอี้ให้ได้ระดับสัมพันธ์กับสรีระร่างกาย โดยให้หลังพิงพนักเก้าอี้ กรณีใช้คอมพิวเตอร์ให้ปรับจอภาพให้อยู่ในระดับสายตา แขนแนบลําตัวและควรวางบนที่วางแขนและระดับ เข่าต่ำกว่าระดับสะโพกเล็กน้อย และควรปรับเปลี่ยนท่าทางบ่อยๆ เน้นให้แนวกระดูกสันหลังให้อยู่ในแนวตรงตลอด
 
การบริหารกล้ามเนื้อบริเวณคอเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น
การบริหารกล้ามเนื้อเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น อาจทําภายหลังจากประคบอุ่น เนื่องจากความร้อนจะช่วย ให้เนื้อเยื่อต่างๆ มีความยืดหยุ่นดีขึ้นและบรรเทาอาการปวดด้วย
ท่าที่ 1 ใช้มือซ้ายจับที่บริเวณศีรษะเหนือหูด้านขวาดึงศีรษะไปทางด้านซ้ายจนรู้สึกตึงบริเวณคอและบ่า นับค้าง 1 - 10 ทําซ้ำ 5-10 ครั้ง ทําสลับทางด้านขวา
 
ท่าที่ 2 ใช้มือซ้ายจับมือขวาแล้วดึงลง พร้อมกับเอียงศีรษะไปทางซ้ายจนรู้สึกตึงบริเวณคอและบ่า นับค้าง 1-10 ทําซ้ำ 5-10 ครั้ง ทําสลับทางด้านขวา
ท่าที่ 3 ใช้มือขวาจับข้อศอกซ้ายแล้วดึงข้ามลําตัว พร้อมกับหันศีรษะไปทางซ้ายจนรู้สึกตึงบริเวณคอและบ่า นับค้าง 1-10 ทําซ้ำ 5-10 ครั้ง ทําสลับทางด้านขวา
 
การบริหารกล้ามเนื้อคอเพื่อสร้างความแข็งแรง
ควรเริ่มต้นทําเมื่ออาการปวดคอลดลง โดยเกร็งกล้ามเนื้อคอต้านแรงมือดังรูป ขณะทําคออยู่ในท่าตรงตลอด เวลานับ 1-10 ทําท่าละ 10 ครั้ง วันละ 2-3 รอบ
 
ท่าที่ 1 ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางวางที่หน้าผากพร้อมออกแรงกดไป ทางด้านหลัง เกร็งศีรษะต้านแรงไว้ ขณะออกกําลัง ให้คออยู่ในท่าตรง
ท่าที่ 2 ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางวางที่ท้ายทอยพร้อมออกแรงกดไป ทางด้านหน้า เกร็งศีรษะต้านแรงไว้ ขณะออกกําลังให้ คออยู่ในท่าตรง
ท่าที่ 3 ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางด้านขวาวางบริเวณขมับ พร้อมออก แรงกดไปทางด้านซ้ายเกร็งศีรษะต้านแรงไว้ขณะออกกําลังให้คออยู่ในท่าตรง ทําสลับกับทางด้านซ้าย
 

Doctors Related

Related Centers

สถาบันกระดูกสันหลังบำรุงราษฎร์

ดูเพิ่มเติม

ศูนย์ออร์โธปิดิกส์

ดูเพิ่มเติม

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

คะแนนโหวต 10.00 of 10, จากจำนวนคนโหวต 3 คน

Related Health Blogs