โรคกระดูกพรุน คือ โรคกระดูกชนิดหนึ่งที่กระดูกเริ่มเสื่อมและบางลงเนื่องจากการสูญเสียแคลเซียมที่สะสมในกระดูก โรคนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดนอกจากกระดูกแตกหรือหัก พบได้บ่อยบริเวณกระดูกสันหลัง สะโพก หรือข้อมือ รวมทั้งยังสามารถเกิดได้กับกระดูกส่วนอื่นๆ ของร่างกายอีกด้วย ทั้งนี้
โรคกระดูกพรุนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะกระดูกหักหรือกระดูกสันหลังผิดรูปในสตรีสูงอายุ
สาเหตุของโรคกระดูกพรุน
- การสูญเสียฮอร์โมนเพศหญิงเนื่องจากหมดประจำเดือน เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยของการเกิดโรคกระดูกพรุน โดย 25% ของสตรีที่มีอายุมากกว่า 60 ปีมักพบว่าเป็นโรคกระดูกพรุน
- การที่สตรีหมดประจำเดือนเร็วหรือได้รับการผ่าตัดรังไข่ทิ้งก่อนอายุ 45 ปี
- อายุที่มากขึ้น โดยเมื่ออายุมากกว่า 50 ปี กระดูกจะบางลงทุก 1-3% ทุกปี
ปัจจัยเสี่ยงร่วมที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน
- มีประวัติครอบครัวเป็นโรคกระดูกพรุน
- ชาวผิวขาวหรือเชื้อชาติชาวเอเชีย
- ขาดวิตามินดีหรือแคลเซียม
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำ
- สูบบุหรี่
- น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากโหมออกกำลังกายหรืออดอาหาร
- ใช้ยาสเตียรอยด์เกินขนาด
- ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น โรคต่อมไทรอยด์
- เป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคตับ โรคทางเดินอาหารผิดปกติ
โรคกระดูกพรุนในเพศชาย
โรคกระดูกพรุนสามารถพบได้ในเพศชายเช่นเดียวกัน แต่พบได้น้อยกว่าในเพศหญิง โดยมีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค คือ การเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง และ
การขาดฮอร์โมนเพศชาย
การป้องกัน
- รับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ โดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามินดีซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ควรได้รับปริมาณแร่ธาตุทั้ง 2 นี้อย่างเหมาะสมตั้งแต่วัยเด็กตลอดช่วงอายุเพื่อความแข็งแรงของกระดูก ซึ่งจะสมบูรณ์ที่สุดในช่วงอายุ 20 ปีปลายๆ หรือ 30 ปีต้นๆ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- งดสูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์รวมถึงสารคาเฟอีน เนื่องจากมีผลทำลายกระดูก
- ตรวจร่างกายเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากกว่า 50 ปีควรเข้ารับการตรวจวัดกระดูกเพื่อป้องกันการเสื่อมแต่เนิ่นๆ
การรักษาโรคกระดูกพรุน
เมื่อได้รับ
การวินิจฉัยว่าเป็นโรคกระดูกพรุน แพทย์อาจแนะนำการรักษาด้วยยา โดยจะพิจารณาความเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละราย