โรคเส้นเลือดหัวใจตีบเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยปกติเลือดจะสามารถไหลผ่านเส้นเลือดได้อย่างราบรื่นเหมือนน้ำไหลผ่านท่อประปา แต่เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน เส้นเลือดหัวใจจะเสื่อมสภาพจากการสะสมของไขมันและหินปูนในผนังเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดตีบและแข็งตัว ถ้าตีบแคบมากจะขวางการไหลของเลือดที่ไปสู่กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอต่อความต้องการของหัวใจ ส่งผลให้เกิดอาการหัวใจวายได้ การรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบแคบทำได้หลายวิธีและการผ่าตัดบายพาสเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ในการรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ แล้วการผ่าตัดบายพาสคืออะไร เมื่อไรที่ต้องรักษาด้วยวิธีนี้ ผ่าตัดแล้วต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน บทความนี้มีคำตอบติดตามได้เลย
กู้เส้นเลือดหัวใจตีบด้วยการผ่าตัดบายพาส (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG)
โรคเส้นเลือดหัวใจตีบเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยปกติเลือดจะสามารถไหลผ่านเส้นเลือดได้อย่างราบรื่นเหมือนน้ำไหลผ่านท่อประปา แต่เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน เส้นเลือดหัวใจจะเสื่อมสภาพจากการสะสมของไขมันและหินปูนในผนังเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดตีบและแข็งตัว ถ้าตีบแคบมากจะขวางการไหลของเลือดที่ไปสู่กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่เพียงพอต่อความต้องการของหัวใจ ส่งผลให้เกิดอาการหัวใจวายได้ การรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบแคบทำได้หลายวิธีและการผ่าตัดบายพาสเป็นวิธีหนึ่งที่ใช้ในการรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจตีบที่มีประสิทธิภาพ
การผ่าตัดบายพาสคืออะไร
การผ่าตัดต่อเส้นเลือดเลี้ยงหัวใจเพื่อทำทางเบี่ยงเสริมเส้นเลือดบริเวณที่มีการตีบหรือตัน โดยศัลยแพทย์จะใช้เส้นเลือดที่มีคุณภาพดีจากส่วนอื่นในร่างกาย เช่น เส้นเลือดแดงหลังหน้าอก เส้นเลือดแดงที่ท้อง เส้นเลือดแดงที่แขนหรือเส้นเลือดแดงที่ขาของผู้ป่วยมาทำการต่อปลายเส้นเลือดข้างหนึ่งเข้ากับเส้นเลือดแดงใหญ่ ส่วนปลายเส้นเลือดอีกข้างหนึ่งไปต่อกับเส้นเลือดแดงใต้บริเวณที่ตีบหรืออุดตัน ในกรณีที่ใช้เส้นเลือดแดงหลังหน้าอก เส้นเลือดแดงหลังหน้าอกเป็นแขนงของเส้นเลือดแดงใหญ่อยู่แล้วจึงต่อเพียง ส่วนปลายอีกด้านจะต่อเข้ากับเส้นเลือดแดงใต้จุดที่ตีบหรืออุดตันเท่านั้น เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้มากขึ้น ทำให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น
การผ่าตัดบายพาสเหมาะกับใครบ้าง
การผ่าตัดบายพาสเหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการดังนี้
• มีอาการเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงโดยไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา
• เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบอย่างรุนแรง
•
มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย
• เป็นโรคหัวใจขาดเลือดที่ไม่ปรากฏอาการ (silent myocardial ischemia)
การผ่าตัดบายพาสทำได้กี่วิธี
การผ่าตัดบายพาสแบ่งออกได้เป็น 2 วิธี โดยศัลยแพทย์หัวใจจะเป็นผู้ทำการวินิจฉัยและตัดสินใจว่าควรใช้วิธีใดในการผ่าตัดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
• ใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมทำผ่าตัด (on-pump CABG) โดยศัลยแพทย์จะหยุดหัวใจผู้ป่วยระหว่างการผ่าตัด
• ไม่ใช้เครื่องปอดหัวใจเทียมทำผ่าตัด (off-pump CABG) โดยศัลยแพทย์จะไม่หยุดหัวใจผู้ป่วยระหว่างการผ่าตัด
ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานแค่ไหน
หลังการผ่าตัดผู้ป่วยต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลประมาณ 1 สัปดาห์และใช้เวลาพักฟื้นที่บ้านหลายสัปดาห์ สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติที่เบาๆได้ภายในสองเดือนและสามารถกลับไปเล่นกีฬาได้ภายใน 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของร่างกายของผู้ป่วยแต่ละบุคคล
หลังการผ่าตัดบายพาสควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้าง
ผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์และติดตามผลการรักษากับแพทย์อย่างเคร่งครัดเพราะหากควบคุมปัจจัยเสี่ยงได้ดี เช่น ควบคุมโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงได้ จะทำให้เส้นเลือดที่นำมาใช้ทำบายพาสอยู่ได้นาน
• รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
• งดสูบบุหรี่
• ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และจัดการกับความเครียด
การผ่าตัดบายพาสมีข้อดีอย่างไร
• เป็นวิธีการรักษาที่ใช้มานานตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 หรือตั้งแต่ 60 ปีที่แล้ว พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรคหัวใจขาดเลือด ลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจวายโดยเฉียบพลันได้ดี
• เหมาะกับผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดหัวใจตีบหลายเส้นหรือตีบในบางตำแหน่งที่หากใช้การรักษาด้วยวิธีการอื่น เช่น การขยายเส้นเลือดหัวใจด้วยวิธีใส่ขดลวด (Coronary Stent Implantation) อาจทำให้เส้นเลือดเสียหายได้
• มีความเสี่ยงในการต้องทำหัตถการซ้ำน้อยกว่าการขยายเส้นเลือดหัวใจตีบด้วยบอลลูน
ความเสี่ยงจากการผ่าตัดบายพาสมีอะไรบ้าง
การผ่าตัดบายพาสเป็นการผ่าตัดใหญ่ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงและอาจเกิดอาการแทรกซ้อนได้ อย่างไรก็ตามโอกาสในการเกิดอาการแทรกซ้อนต่ำและส่วนมากสามารถแก้ไขได้ดังนี้
• ติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัด
• มีเลือดออก
• ภาวะสับสนเฉียบพลัน (Delirium)
• ไตวาย
• อัมพาต
• หัวใจเต้นผิดจังหวะ
• หัวใจวายหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน
สถาบันโรคหัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีทีมแพทย์ผู้ชำนาญการในการรักษาโรคหัวใจขาดเลือดโดยเฉพาะและทีมสหสาขาวิชาชีพผู้มีประสบการณ์ด้านการดูแลผู้ป่วยโรคหัวใจ เราทำงานเป็นทีมร่วมกันเพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ปลอดภัยและมีคุณภาพสูง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติมากที่สุด
เรียบเรียงโดย ศ.นพ. วิชัย เบญจชลมาศ
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2567