bih.button.backtotop.text

ทำไมเป็นมะเร็งปอดแบบไม่รู้ตัว

มาฟัง รศ.พญ. ธัญนันท์ ใบสมุทร แพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา ให้ความรู้เรื่องปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นมะเร็งปอด อาการของโรค รวมถึงการคัดกรอง และการรักษา


 

ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปอด

  • การสูบบุหรี่ สำหรับคนที่สูบบุหรี่จัด หรือสูบมากกว่า 30 แพ็คเยียร์ หมายความว่าสูบบุหรี่มากกว่าวันละ 1 ซอง ติดต่อกันเป็นเวลา 30 ปี ถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมะเร็งปอด
  • ใกล้ชิดคนสูบบุหรี่ กลุ่ม Second-hand smoker หรือผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้สูบบุหรี่เอง แต่หากอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับผู้สูบบุหรี่ หรือสูดดมควันบุหรี่เข้าไป รวมถึงการสัมผัสกับสิ่งของที่มีสารก่อมะเร็งจากมือของผู้สูบบุหรี่ แล้วไปสัมผัสตามสิ่งของต่างๆ คนอื่นที่มาสัมผัสต่อก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน และถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด
  • สิ่งแวดล้อม ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ เรื่องของสิ่งแวดล้อม มลพิษต่างๆ สารเคมี รวมไปถึง ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในปอด และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดได้เช่นเดียวกัน
  • พันธุกรรม อีกหนึ่งปัจจัยที่เริ่มมีการศึกษาและวิจัยเพิ่มเติมในปัจจุบันก็คือ พันธุกรรมภายในครอบครัว โดยเฉพาะในกรณีที่มีญาติสายตรงระดับที่ 1 หรือระดับที่ 2 ที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดบางชนิด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้มากขึ้น ทั้งนี้ความเสี่ยงก็ขึ้นอยู่กับจำนวนของญาติสายตรงที่เคยเป็นโรคนี้ด้วยเช่นกัน งานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังคงมีการพัฒนาและเผยแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

เหตุผลที่ต้องตรวจคัดกรอง (Screening) มะเร็งปอด

โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดมักจะมาพบแพทย์ในระยะที่ 3 หรือ 4 แล้ว ซึ่งหมายความว่าโรคได้ลุกลามไปมากพอสมควร อาจทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เหตุใดจึงไม่มีอาการมาก่อน และทำไมถึงมารู้ตัวเมื่อโรคอยู่ในระยะที่ค่อนข้างมากแล้ว สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจาก ปอดเป็นอวัยวะขนาดใหญ่ อยู่ภายในช่องอกทั้งสองข้าง และอาการของโรคจะปรากฏหรือไม่ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของก้อนมะเร็ง หากก้อนอยู่ใกล้หลอดลม ผู้ป่วยอาจมีอาการเร็วกว่าปกติ เช่น อาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือด เป็นต้น จึงสามารถมาพบแพทย์ได้เร็วกว่า แต่หากก้อนมะเร็งอยู่ที่ชายปอด ซึ่งไม่ได้ติดกับอวัยวะสำคัญอื่น อาการอาจไม่แสดงออกในระยะแรก เมื่อทราบอีกครั้งก็มักจะเป็นระยะที่มากแล้ว การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งปอดจึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง


วิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปอด

การตรวจคัดกรองมะเร็งปอดทำได้หลายวิธี วิธีพื้นฐานที่สามารถทำได้ทุกโรงพยาบาลคือ
  • การเอกซเรย์ปอดแบบ 2 มิติ แต่การตรวจด้วยวิธีนี้มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก
  • CT Scan Screening (Low Dose CT) แบบ 3 มิติที่ให้ภาพคมชัดมากขึ้น โดยที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีการนำเครื่อง Photon Counting CT Scan เข้ามาใช้ ซึ่งแตกต่างจาก CT แบบเดิมๆ ตรงที่สามารถให้ภาพที่คมชัดสูง เห็นรายละเอียดของก้อนเนื้อ เม็ดเลือด เส้นเลือดต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ขณะเดียวกันผู้ป่วยได้รับปริมาณรังสีลดลง จึงปลอดภัยมากกว่า

การรักษามะเร็งปอดในระยะ 3-4

สำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะ 3 และระยะ 4 ปัจจุบันมีการพัฒนายาหลายกลุ่ม เช่น
  • ยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
  • ยาเสริมภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy)
  • การตรวจหายีนกลายพันธุ์ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ยาที่เหมาะสมที่สุดกับผู้ป่วยแต่ละรายได้


ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เรามีทีมแพทย์สหสาขาวิชา (Multidisciplinary Team) หรือ Bumrungrad Lung Cancer Consortium ซึ่งประกอบด้วยแพทย์เฉพาะทางในทุกสาขาที่เกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งปอด ช่วยวางแผนดูแลรักษา เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับผู้ป่วย


โดย รศ.พญ. ธัญนันท์ ใบสมุทร แพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา


 

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

แก้ไขล่าสุด: 16 มิถุนายน 2568

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

Related Health Blogs