คุณแม่อัมพร บุญเกิด
เข่าใหม่…ชีวิตใหม่ เมื่อการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมใหม่ทำให้กลับมา ‘เดิน’ ได้อีกครั้ง
ในฐานะลูกสาวและผู้ดูแลที่ใกล้ชิดของคุณอัมพร บุญเกิด ผู้ป่วยวัย 82 ปี คุณปุ๊กและคุณเปิ้ล ได้เล่าถึงประสบการณ์เกี่ยวกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมใหม่ทั้งหมด (Revision Total Knee Replacement) ของคุณแม่ให้เราฟัง เพื่อเป็นข้อมูลและกำลังใจให้กับผู้ป่วยทุกคนที่กำลังลังเลใจหรือกังวลใจกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมใหม่
จุดเริ่มต้นของการตัดสินใจผ่าตัดเข่าซ้ำ
คุณอัมพรเคยมีประสบการณ์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วน (Partial Knee Replacement) ที่ขาข้างขวา โดยใช้แขนกลช่วยผ่าตัด MAKO ในปี พ.ศ. 2556 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ในขณะนั้น ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ การผ่าตัดครั้งแรกเป็นไปด้วยดีและคุณอัมพรใช้ชีวิตได้ตามปกติมาระยะหนึ่ง
ต่อมาในช่วง 3-4 ปีหลัง คุณอัมพรเริ่มรู้สึกปวดสะโพก เนื่องจากขาข้างขวาที่เคยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมบางส่วนโก่ง ทำให้ขาสองข้างไม่เท่ากัน ส่งผลให้สะโพกไม่เท่ากัน รวมถึงมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลังบางส่วนตีบแคบ คุณอัมพรรักษาด้วยการกินยาแก้ปวดต่อเนื่องมาสองปี จนกระทั่งอาการที่เข่าเริ่มมากขึ้น ถึงแม้จะไม่มีอาการปวดที่เข่าแต่มีปัญหาไม่มีแรงในการก้าว ทำให้ไม่สามารถออกจากบ้านไปทำกิจกรรมที่ชื่นชอบได้เหมือนเคย
ความเชื่อมั่นในประสบการณ์และความชำนาญของแพทย์
ในตอนแรก ทั้งคุณอัมพรและครอบครัวไม่กล้าตัดสินใจที่จะผ่าตัด เนื่องจากคุณอัมพรเคยมีประสบการณ์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมดที่ขาข้างซ้ายที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง และใช้เวลาฟื้นตัวนานถึง 6 เดือน นอกจากนี้ การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมดที่ขาข้างขวาครั้งนี้เป็นการผ่าตัดซ่อม ซึ่งมีความยากและซับซ้อนกว่าการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมครั้งแรก ยิ่งทำให้กังวลว่าจะฟื้นตัวนานยิ่งขึ้น แต่เมื่อมาพบกับ นพ. ชาลี สุเมธวานิชย์ ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ แพทย์ได้ให้ข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ช่วยสร้างความสบายใจให้กับคุณอัมพรและครอบครัวเป็นอย่างมาก รวมถึงคำพูดของแพทย์ที่ว่า “ไม่ต้องกังวล ผมผ่ามาเป็นพันเข่าแล้ว เคสนี้ไม่ได้ยากไปกว่าที่ผมเคยเจอเลย ให้ไปเตรียมตัวให้พร้อมในการผ่าตัด เรื่องที่เหลือเป็นเรื่องของหมอ” ได้ช่วยคลายความกังวลให้กับคุณอัมพรและครอบครัวเป็นอย่างดี ประกอบกับได้ ผศ.พญ.ศุภกัญญา วงศ์รักษ์พานิช แพทย์ผู้ชำนาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ มาช่วยประเมินความพร้อมทางร่ายกายก่อนผ่าตัด ทำให้คุณอัมพรและครอบครัวรู้สึกมั่นใจและพร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัดในที่สุด
การฟื้นตัวที่รวดเร็วและแตกต่าง
สิ่งที่สร้างความประทับใจเป็นอย่างมากคือการฟื้นตัวที่รวดเร็วและผลข้างเคียงน้อย แตกต่างจากประสบการณ์การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมดที่ขาข้างซ้ายในครั้งแรก ที่ใช้เวลานานกว่าในการฟื้นตัว
หลังฟื้นจากการผ่าตัด คุณอัมพรมีอาการคลื่นไส้อาเจียนน้อยมาก และไม่รู้สึกเจ็บปวด เนื่องจากแพทย์ได้ทำการบล็อกประสาทส่วนปลาย (peripheral nerve block) ซึ่งช่วยควบคุมความเจ็บปวดได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อถอดอุปกรณ์บล็อกประสาทส่วนปลายออกหลังผ่าตัดได้ 3 วัน คุณอัมพรก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดจนต้องขอยาแก้ปวด
นอกจากนี้ เพียงวันรุ่งขึ้นหลังผ่าตัด นพ. ตุลพงษ์ อ่ำพูล แพทย์ผู้ช่วยผ่าตัดของคุณหมอชาลี ได้ให้คุณอัมพร ลองลุกยืนได้แล้ว คุณปุ๊กกล่าวว่า “ฟื้นตัวเร็วมาก รู้สึกว่าการผ่าตัดครั้งนี้มีผลข้างเคียงน้อย ส่วนหนึ่งคิดว่าเป็นที่ฝีมือแพทย์และมีการใช้อุปกรณ์ในการควบคุมการปวดแบบต่อเนื่อง แต่พอถอดอุปกรณ์ คนไข้ก็ยังฝึกเดินได้โดยไม่ได้ปวดจนเดินไม่ไหว” คุณอัมพรพักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียง 5 คืน รวมวันผ่าตัด ก็สามารถกลับบ้านได้
ความสำคัญของการดูแลแบบองค์รวมหลังการผ่าตัด
การดูแลหลังการผ่าตัดจากครอบครัวและนักกายภาพบำบัด มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการฟื้นตัวของคุณอัมพร ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลลูกๆ จะผลัดกันเฝ้าคุณแม่ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลูกๆ ไม่ได้ให้คุณอัมพรกลับบ้านทันที แต่ให้พักฟื้นอยู่ที่คอนโดมิเนียมใกล้โรงพยาบาล เพื่อให้นักกายภาพบำบัดสามารถเข้ามาดูแลได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ครอบครัวยังมีการบันทึกวิดีโอท่ากายภาพที่นักกายภาพสอน เพื่อให้มั่นใจว่าญาติๆ สามารถทำกายภาพให้คุณอัมพรได้อย่างถูกต้อง
คุณปุ๊กกล่าวว่า “นักกายภาพบำบัดเป็นส่วนหนึ่งของการที่จะทำให้คนไข้ฟื้นตัวได้เร็ว ต้องยอมรับว่านักกายภาพของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีประสบการณ์และดูแลคนไข้ดี รู้ว่าเมื่อไหร่จะต้องให้กำลังใจและรู้ว่าคนไข้ทำได้มากน้อยแค่ไหน ได้อย่างแม่นยำและให้คำแนะนำที่เหมาะสม” คุณเปิ้ลได้กล่าวเสริมว่า “นักกายภาพบำบัดน่ารักมาก ใจเย็น” เมื่อกลับมาติดตามผลการรักษา ก็ได้รับคำชมจาก พ.ญ. บัณฑิตา ชัยกุล แพทย์ผู้ชำนาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูว่าผู้ป่วยฟื้นตัวได้ดี
ชีวิตใหม่ที่กลับมาพร้อมความสุข
ปัจจุบัน แม้คุณอัมพรจะมีโรคประจำตัวหลายอย่างแต่หลังจากการผ่าตัด คุณอัมพรสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามที่ต้องการ ซึ่งรวมถึงการเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีน ซึ่งเป็นความฝันที่เคยคิดว่าจะทำไม่ได้แล้วก่อนการผ่าตัด คุณปุ๊กเล่าว่า “ช่วงเมษาปีนี้ คุณแม่ได้ไปเยี่ยมญาติที่เมืองจีน สามารถเดินและถือของเองได้… หลังการผ่าเข่า คนไข้ใช้ชีวิตได้แตกต่างจากก่อนที่ยังไม่ผ่าเข่าอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลุก เดิน ใช้ชีวิตประจำวัน การออกไปเที่ยว ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ไปไหนเลย”
สิ่งที่อยากบอกและกำลังใจให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจผ่าตัดผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมใหม่
คุณปุ๊กกล่าวว่า “ อย่างแรกคือ การผ่าตัดเข่าในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ดีกว่าเมื่อก่อนอย่างชัดเจน ดังนั้นอาการแทรกซ้อนจากการผ่าตัดหรือความเจ็บปวดก็ลดน้อยลง อย่างที่สองคือ การเลือกคุณหมอที่มีประสบการณ์เยอะในการผ่าตัดไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดใหม่หรือว่าการผ่าตัดแก้ไขซึ่งเรามองว่าเป็นอะไรที่ยากกว่าการผ่าตัดใหม่ อย่างที่สาม คุณแม่อายุเยอะแล้ว ผ่าตัดมาก็หลายผ่าตัด จริงๆ คุณแม่ไม่ได้อยากทำเลยแต่ว่ามันกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นอย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง การตัดสินใจที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น เหมือนที่คุณแม่บอกว่า
“รู้งี้ทำตั้งนานแล้ว ไม่ทนเจ็บมาตั้งนานหลายปี”
เรียบเรียบโดย นพ. ชาลี สุเมธวานิชย์
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 15 สิงหาคม 2568