bih.button.backtotop.text

โรคงูสวัด กันไว้ดีกว่าแก้ แค่ฉีดวัคซีน!

โรคงูสวัดคืออะไร?

โรคงูสวัด (Herpes zoster หรือ shingles) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส หลังจากที่ผู้ป่วยหายจากโรคอีสุกอีใสแล้ว เชื้อไวรัสนี้จะยังคงฝังตัวอยู่บริเวณปมประสาท เมื่อร่างกายเริ่มอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันต่ำลง อาจส่งผลกระตุ้นให้เชื้อไวรัส varicella zoster ออกมาจากบริเวณปมประสาท และก่อให้เกิดโรคงูสวัดได้
 

ความอันตรายของโรคงูสวัด

  • ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้องูสวัดที่พบบ่อยที่สุด คือ โรคปวดเส้นประสาท (Post Herpetic Neuralgia – PHN) มีอาการปวดเส้นประสาทตลอดเวลา นานหลายเดือนหรือหลายปีหลังจากผื่นหาย

  • ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น การติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังจนเกิดเป็นแผลเป็น, งูสวัดขึ้นตา (HZO), ปัญหาโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ (Cardiovascular disease)

  • ภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง แม้พบไม่บ่อยแต่รุนแรงมาก เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เนื้อหุ้มสมองตาย ใบหน้าเป็นอัมพาตครึ่งซีก

 

ใครควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด?

  • สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แม้จะไม่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสมาก่อน แต่ด้วยอายุที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงในการเป็นโรคงูสวัดก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

    • ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคปอด โรคไต รวมถึงผู้ที่เคยติดเชื้อ Covid-19 มีความเสี่ยงในการเป็นงูสวัดเพิ่มขึ้น

    • ผู้ที่เคยเป็นโรคงูสวัด มีโอกาสเป็นซ้ำประมาณ ร้อยละ 6.2

  • สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากโรคหรือการรักษา ควรฉีดวัคซีนชนิด recombinant zoster vaccine จำนวน 2 เข็ม เนื่องจากอายุที่มากขึ้นและภูมิคุ้มกันที่บกพร่องจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคงูสวัด รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อนจากโรคงูสวัดด้วย


โดยท่านสามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลก่อนการรับวัคซีน เนื่องจากวัคซีนนี้มีข้อจำกัดในบุคคลบางกลุ่ม เช่น

  • ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง (ไม่ควรฉีดวัคซีนชนิด Live-attenuated zoster vaccine)

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้รุนแรงต่อส่วนประกอบตัวใดตัวหนึ่งของวัคซีน

  • ผู้ที่เป็นโรคงูสวัดอยู่ในปัจจุบัน

  • หญิงตั้งครรภ์

 

อาการและภาวะแทรกซ้อนของโรคงูสวัดมีอะไรบ้าง?

อาการหลักของโรคงูสวัด คือ ปวด แสบร้อนบริเวณผิวหนัง ร่วมกับมีกลุ่มของผื่นแดงหรือตุ่มน้ำใสขึ้นเป็นกระจุก นอกจากนี้ อาจพบอาการไข้ ปวดศีรษะ หนาวสั่น หรือไม่สบายท้อง ร่วมด้วย ส่วนอาการแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยของโรคงูสวัด คือ อาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด (Postherpetic neuralgia, PHN) จะพบอาการปวดมากในบริเวณที่เป็นผื่นจากโรคงูสวัด โดยอาการปวดนี้จะยังคงอยู่แม้ว่าผื่นจะหายไปแล้ว ทั้งนี้อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในระยะเวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน แต่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัดอยู่นานเป็นปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้
 

ท่านสามารถติดโรคงูสวัดจากผู้อื่นได้หรือไม่?

โรคงูสวัดเป็นโรคติดต่อทางการสัมผัส เนื่องจากในแผลที่มีตุ่มน้ำใสนั้น ยังสามารถพบเชื้อไวรัส varicella zoster จึงสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ โรคนี้สามารถเกิดในทุกช่วงวัย แต่บางรายอาจมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นโรคนี้ได้มากกว่าผู้อื่น เช่น ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
 

เราสามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดได้อย่างไร?

วิธีที่ง่ายที่สุดในการป้องกันตนเองจากโรคงูสวัด คือ การปฏิบัติตัวให้มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมี วัคซีนเพื่อป้องกันการเกิดโรคงูสวัด โดยท่านสามารถเข้ารับคำปรึกษาและรับวัคซีนจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลได้
 

วัคซีนป้องกันโรคงูสวัดคืออะไร?

ในประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด 2 ชนิด ได้แก่

  1. Zoster vaccine live (ZVL) วัคซีนนี้ฉีดได้ในผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยฉีดเข้าใต้ผิวหนัง 1 เข็ม (0.65 mL) จากการศึกษาทางคลินิกพบว่าสามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดได้ร้อยละ 69.8 และป้องกันการเกิดอาการแทรกซ้อน คือ อาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัด ได้ร้อยละ 66.5 ในกลุ่มผู้ที่มีอายุ 50-59 ปี ส่วนในกลุ่มผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป วัคซีนสามารถป้องกันการเกิดโรคได้ร้อยละ 51 และป้องกันการเกิดอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัดได้ร้อยละ 39

  2. Recombinant zoster vaccine (RZV) วัคซีนนี้ให้โดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อทั้งหมด 2 เข็ม (เข็มละ 0.5 mL) สามารถฉีดได้ใน:

ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป: วัคซีนเข็มที่ 2 ฉีดห่างจากเข็มแรก 2-6 เดือน โดยวัคซีนสามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดและอาการปวดปลายประสาทหลังเป็นโรคงูสวัดในคนกลุ่มนี้ได้มากกว่าร้อยละ 90
ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องเนื่องจากโรคหรือการรักษา: วัคซีนเข็มที่ 2 ฉีดห่างจากเข็มแรก 1-2 เดือน โดยวัคซีนสามารถป้องกันการเกิดโรคงูสวัดในคนกลุ่มนี้ได้ร้อยละ 68-91
หลังจากฉีดวัคซีนครบตามจำนวนที่แนะนำในแต่ละชนิดแล้วประมาณ 4 สัปดาห์ ภูมิคุ้มกันจึงจะขึ้นเต็มที่ และภูมิคุ้มกันอาจอยู่ได้นานถึง 10 ปี ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดเข็มกระตุ้นของวัคซีนงูสวัดทั้ง 2 ชนิด
 

อาการข้างเคียงอะไรบ้างที่อาจพบได้หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด?

อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยหลังจากฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด คือ อาการปวด แดง หรือบวมในบริเวณที่ฉีดวัคซีน ส่วนอาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจพบได้ ได้แก่ อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ตัวสั่น มีไข้ ปวดท้อง และคลื่นไส้
 

ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคงูสวัดมาก่อน ควรรอนานเท่าไหร่จึงจะสามารถฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดได้?

ในกรณีที่เคยเป็นโรคงูสวัดมาก่อน สามารถให้วัคซีนป้องกันโรคงูสวัดได้ โดยให้เว้นระยะห่างหลังจากเป็นโรคงูสวัดอย่างน้อย 6 เดือน สำหรับวัคซีนชนิด recombinant zoster vaccine สามารถให้ได้ครบทั้ง 2 เข็มตามคำแนะนำ
 

หากเคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดชนิด live-attenuated zoster vaccine มาก่อน ควรรอนานเท่าไหร่จึงจะสามารถฉีดวัคซีนชนิด recombinant zoster vaccine ได้?

ในกรณีที่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคงูสวัดชนิด zoster vaccine live มาก่อน สามารถฉีด recombinant zoster vaccine (RZV) ได้ โดยเว้นระยะห่างจาก zoster vaccine live อย่างน้อย 2 เดือน  

  • ฉีด recombinant zoster vaccine เข้ากล้ามเนื้อต้นแขน 2 เข็ม ห่างกัน 2-6 เดือน

  • ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคงูสวัด 97% และประสิทธิภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับโรคงูสวัด (Post Herpetic Neuralgia – PHN) 91.2% ในผู้ใหญ่อายุ 50 ปีขึ้นไป

  • ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคงูสวัด 89% เมื่อติดตามยาวนาน 10 ปี

 
 
ดูแพ็กเกจวัคซีนป้องกันโรคงูสวัด คลิก
TH วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด (2 เข็ม) และ วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ (1 เข็ม)
                                                               
EN Shingles 2 shots plus Influenza vaccine package

 

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:



แก้ไขล่าสุด: 18 เมษายน 2568

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

Related Health Blogs