วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่าย โดยการฉีดวัคซีนจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ต่อต้านเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ลดโอกาสในการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของโรค และช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ มีกี่ประเภท?
1. แบ่งตามสายพันธุ์ไวรัสที่ครอบคลุม
- วัคซีนชนิด 3 สายพันธุ์ (Trivalent): ครอบคลุมไวรัสสายพันธุ์ A 2 สายพันธุ์ และ B 1 สายพันธุ์
- วัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ (Quadrivalent): ครอบคลุมไวรัสสายพันธุ์ A 2 สายพันธุ์ และ B 2 สายพันธุ์
2. แบ่งตามวิธีการบริหารวัคซีน
- ชนิดฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
- ชนิดพ่นเข้าจมูก
สายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ผลิตวัคซีน
องค์การอนามัยโลก (WHO) จะเป็นผู้กำหนดสายพันธุ์ไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ใช้ในการผลิตวัคซีนในแต่ละปี เพื่อให้ครอบคลุมสายพันธุ์ที่มีแนวโน้มระบาดมากที่สุด
โดยใน
ฤดูกาล 2025–2026 สำหรับประเทศในซีกโลกเหนือ ได้กำหนดสายพันธุ์ไว้ดังนี้:
สายพันธุ์ไวรัส |
วัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับภูมิภาคซีกโลกใต้ปี 2025
(Southern hemisphere (SH) 2025) |
วัคซีนไข้หวัดใหญ่สำหรับภูมิภาคซีกโลกเหนือ
ปี 2025-2026 (NH 2025-2026) |
A/Victoria/4897/2022 (H1N1)pdm09-like virus |
✓ |
✓ |
A/Croatia/10136RV/2023 (H3N2)-like virus |
✓ |
✓ |
B/Austria/1359417/2021 (B/Victoria lineage)-like virus |
✓ |
✓ |
B/Phuket/3073/2013 (B/Yamagata lineage)-like virus
(เฉพาะ quadrivalent influenza vaccine) |
✓ |
✓ |
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบการระบาดของสายพันธุ์ B/Yamagata น้อยมาก WHO จึงแนะนำให้ใช้วัคซีนชนิด 3 สายพันธุ์แทน วัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์ได้
ประสิทธิภาพของวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
หลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ร่างกายจะใช้เวลาประมาณ
2 สัปดาห์ ในการสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยสามารถลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ประมาณ
40–60% แม้ผู้ที่ได้รับวัคซีนอาจยังติดเชื้อได้ แต่ความรุนแรงของโรคจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และช่วยลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเสียชีวิตได้
ควรฉีดวัคซีนเมื่อใด ?
แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่
ก่อนฤดูฝน (ช่วงเดือน พฤษภาคม) หรือ
ก่อนฤดูหนาว (ช่วงเดือน ตุลาคม) ซึ่งเป็นช่วงที่โรคไข้หวัดใหญ่เริ่มระบาด หรืออย่างน้อย
2 สัปดาห์ก่อนเดินทาง ไปยังพื้นที่ที่มีการระบาด
ใครควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ?
ทุกคนสามารถรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่อาจมีอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่:
- เด็กเล็ก
- หญิงตั้งครรภ์
- ผู้สูงอายุ
- ผู้มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด หืด หัวใจ เบาหวาน ไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น
วัคซีนไข้หวัดใหญ่: ทางเลือกที่เหมาะกับแต่ละช่วงวัย
เพื่อการป้องกันที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล ปัจจุบันมีวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้เลือกหลายรูปแบบ ดังนี้:
- วัคซีนสำหรับบุคคลทั่วไป
- วัคซีนขนาดสูงสำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
เป็นวัคซีนไข้หวัดใหญ่ขนาดสูง (High-dose) ซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในผู้สูงอายุ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อน
แหล่งอ้างอิง
เรียบเรียงโดย ศูนย์วัคซีน
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 10 ตุลาคม 2568