bih.button.backtotop.text

ESG vs ผ่าตัดกระเพาะ vs ยา GLP-1 ทางเลือกใหม่ของการลดน้ำหนักในปี 2025

ESG vs ผ่าตัดกระเพาะ vs ยา GLP-1 ทางเลือกใหม่ของการลดน้ำหนักในปี 2025

โรคอ้วน ภาวะอ้วนลงพุง และความผิดปกติของระบบเผาผลาญ กลายเป็นหนึ่งในความท้าทายด้านสุขภาพที่สำคัญของคนยุคนี้ โดยมากกว่าหนึ่งในสามของผู้ใหญ่ทั่วโลกได้ประสบปัญหาเหล่านี้ และภาวะนี้เชื่อมโยงกับโรคอื่นๆ เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ และไขมันพอกตับ อีกด้วย แม้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะยังคงเป็นหัวใจหลัก แต่หลายคนจำเป็นต้องมีเครื่องมือช่วยเพื่อให้ลดน้ำหนักได้จริงและยั่งยืน
ในปี 2025 ทางเลือกที่น่าจับตามองคือ การส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG) การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ การรักษาด้วยยาฉีดประเภท GLP-1 รวมถึงการ ผสานการส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG) เข้ากับการใช้ยาฉีดประเภท GLP-1 เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น


การส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG) การลดน้ำหนักโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผลเป็น

ESG หรือ Endoscopic Sleeve Gastroplasty เป็นหัตถการผ่านกล้องที่ไม่ต้องเปิดแผล ไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อ โดยใช้กล้องเอนโดสโคปสอดผ่านช่องปาก เข้าไปเย็บกระเพาะเพื่อลดปริมาตรกระเพาะอาหารจากภายใน

ข้อดีของการส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG)

  • ไม่มีแผลเป็น / ไม่ต้องผ่าตัด
  • ฟื้นตัวเร็วภายใน 3–7 วัน
  • สามารถทำซ้ำ หรือปรับคืนสภาพได้หากจำเป็น
  • ลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 15–20%
  • ควบคุมเบาหวาน ไขมัน และความดันได้ดีขึ้น

เหมาะสำหรับ:

  • ผู้ที่มี BMI ≥30 หรือ ≥27 พร้อมโรคร่วม
  • ผู้ที่ไม่เหมาะกับการผ่าตัด
  • ผู้ที่ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายแล้วไม่เห็นผล


 

การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ ผลชัดเจน แต่รุกล้ำสูง

การผ่าตัดแบบ gastric bypass หรือ sleeve gastrectomy เป็นมาตรฐานที่ใช้มานาน และยังคงได้ผลดีในบางกรณี
ข้อดี:
  • ลดน้ำหนักมากสุดในระยะยาว (เฉลี่ย 25–40%)
  • โรคเบาหวานดีขึ้นอย่างชัดเจน
ข้อควรพิจารณา:
  • ต้องผ่าตัด เปิดแผล และมีแผลเป็น
  • ฟื้นตัวนาน 2–6 สัปดาห์
  • เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนสูงกว่า
  • ต้องเสริมวิตามินและดูแลโภชนาการในระยะยาว
     

การลดน้ำหนักด้วยยาฉีดกลุ่ม GLP-1

ยาฉีดลดน้ำหนักที่มาแรง คือยาฉีดกลุ่ม GLP-1 เช่น semaglutide หรือ tirzepatide เป็นยาฉีดที่ช่วยลดความอยากอาหาร เพิ่มประสิทธิภาพของอินซูลิน และช่วยให้ลดน้ำหนักได้แม้ไม่ผ่าตัด
ข้อดี:
  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • ลดน้ำหนักได้เฉลี่ย 10–20%
  • ควบคุมระดับน้ำตาล ไขมัน และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
  • ช่วยให้ภาวะเบาหวานสงบในบางราย
ข้อควรระวัง:
  • อาการข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
  • มีโอกาสเสี่ยงต่อถุงน้ำดีหรือโรคตับอ่อน (พบน้อย)
  • หากน้ำหนักลดเร็วเกินไป อาจเสียมวลกล้ามเนื้อหากไม่ออกกำลังกายร่วมด้วย
     

การลดน้ำหนักแบบผสานระหว่างการส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG) และยาฉีดกลุ่ม GLP-1

การใช้การส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG) ร่วมกับยาฉีดกลุ่ม GLP-1 ถือเป็นทางเลือกใหม่
เมื่อนำการลดขนาดกระเพาะผสมเข้ากับการควบคุมความอยากอาหาร จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ภายใต้การดูแลของแพทย์
ผลลัพธ์:
  • น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 25–30%
  • ลด HbA1c ได้สูงสุด 2.0%
  • สามารถทำให้โรคไขมันพอกตับดีขึ้นได้
  • ค่าคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ลดลง
  • ลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ
ข้อดี
  • ไม่ต้องผ่าตัด
  • ฟื้นตัวไว
  • ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้
  • ได้ผลใกล้เคียงกับการผ่าตัด แต่เสี่ยงน้อยกว่า
     
 

 เปรียบเทียบแนวทางการลดน้ำหนัก

  การส่องกล้องเย็บกระเพาะ
(
ESG)
ยาฉีดกลุ่ม GLP-1 การส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG) ผสมกับยาฉีดกลุ่ม GLP-1 การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะ
แนวทาง การส่องกล้องแบบไม่มีแผล การใช้ยา การรักษาแบบผสมผสาน การผ่าตัดเปิดแผล
ลดน้ำหนักได้โดยเฉลี่ย 15–20% 10–20% 25–30% 25–40%
ระยะเวลาฟื้นตัว 3–7 วัน ไม่มี 3–7 วัน 2–6 สัปดาห์
การรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 วัน ไม่มี 1 วัน 2–5 วัน
สามารถทำซ้ำหรือทำให้กลับสู่สภาพเดิมได้ ได้ ได้ ได้ ไม่ได้
ทำให้ภาวะเบาหวานดีขึ้น ปานกลาง มาก มาก มาก
ความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ต่ำ ต่ำถึงปานกลาง ต่ำ ปานกลางถึงสูง
เหมาะสำหรับ BMI ≥30 or ≥27 โดยมีภาวะต่างๆ ร่วมด้วย BMI ≥27 BMI ≥30 or ≥27 โดยมีภาวะต่างๆ ร่วมด้วย และไม่ต้องการผ่าตัด BMI ≥35 or ≥30 โดยมีภาวะต่างๆ ร่วมด้วย

 


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: การใช้การส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG) ร่วมกับยาฉีดกลุ่ม GLP-1 ดีกว่าผ่าตัดไหม?
A: หลายคนได้ผลใกล้เคียงกัน แต่เสี่ยงน้อยกว่า ฟื้นตัวเร็ว และไม่มีแผล

Q: การใช้การส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG) ทำแล้วกลับมาอ้วนได้ไหม?
A: ได้ สามารถคลาย เย็บเพิ่ม หรือทำซ้ำได้

Q: ใครเหมาะกับแนวทางการใช้การส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG) ร่วมกับยาฉีดกลุ่ม GLP-1?
A: ผู้มี BMI ≥30 (หรือ ≥27 พร้อมโรคร่วม) และไม่ต้องการผ่าตัดหรือไม่สามารถผ่าตัดได้

Q: ต้องพักโรงพยาบาลนานแค่ไหนหลังการส่องกล้องเย็บกระเพาะ (ESG)?
A: ส่วนใหญ่พัก 1 คืน หรืออาจกลับบ้านได้ในวันเดียวกัน

Q: ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการกินไหม?
A: ต้องแน่นอน! เพราะความสำเร็จในระยะยาวขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และโภชนาการ

Q: จะเห็นผลเมื่อไหร่?
A: ส่วนใหญ่เริ่มเห็นผลใน 2–3 สัปดาห์ และชัดเจนภายใน 6–12 เดือน


เรียบเรียงโดย ผศ.นพ. วีรวิชญ์ จารุวงศ์วณิชย์

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

แก้ไขล่าสุด: 03 กันยายน 2568

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

Related Health Blogs