bih.button.backtotop.text

ถาม-ตอบ โรคระบบทางเดินอาหาร

ปัญหาสุขภาพช่องท้องเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย และบางครั้งอาจเกิดในสถานการณ์ที่ยากจะรับมือ คำแนะนำที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาได้อย่างถูกต้องและลดความกังวลไปได้มาก

Q: ลูกสาวมีอาการท้องเสีย มีคนแนะนำให้รับประทานโยเกิร์ตแทนยา วิธีนี้สามารถทำได้ไหมคะ


A: โดยปกติเรามักได้ยินว่าเมื่อมีอาการท้องเสียให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จำพวกนมหรือที่ทำจากนม แต่นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ตต้องถือเป็นข้อยกเว้นเพราะถึงแม้จะทำจากนม แต่โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์โปรไบโอติก (Probiotic) หรือจุลินทรีย์ที่มีชีวิต เช่น แลคโตบาซิลลัส บิฟิโดแบคทีเรียม บางชนิดบางสายพันธุ์ กลับเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหากได้รับในปริมาณที่เพียงพอซึ่งในกรณีท้องเสีย โยเกิร์ตประเภทนี้จะเข้าไปสร้างสมดุลในลำไส้และช่วยยับยั้งอาการปวดท้องหรือท้องเสียที่เกิดจากเชื้อโรคได้

อย่างไรก็ตาม การรับประทานโยเกิร์ตเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือดูแลไม่ให้ร่างกายขาดน้ำด้วยการดื่มน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเกลือแร่เพื่อรักษาสมดุลของน้ำและแร่ธาตุในร่างกาย โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเสมอไป เพราะการขับถ่ายเป็นการระบายเชื้อโรคและของเสียออกจากร่างกาย การใช้ยาบางชนิดเพื่อหยุดการขับถ่ายในทันที อาจทำให้เชื้อโรคถูกกักอยู่ในร่างกาย และมีผลเสียติดตามมา รวมถึงการทำให้อาการต่างๆ หายช้าลง

Q: เคยท้องร่วงระหว่างเดินทาง ครั้งนี้เลยกังวลว่าจะเป็นอีก ผมควรกินยาป้องกันไว้ก่อนเลยดีไหมครับ


A: ร้อยละ 20 - 50 ของนักท่องเที่ยวมักพบกับฝันร้ายจากอาการท้องร่วงระหว่างเดินทาง ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงสัปดาห์แรกแต่มักไม่รุนแรงและสามารถหายได้เองภายในหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้น แพทย์จึงไม่แนะนำ ให้รับประทานยาป้องกันอาการท้องร่วงล่วงหน้า เพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ท้องอืดได้

โดยปกติอาการท้องร่วงมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะหรืออาหารที่มเชื้อโรคปะปน ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือ ระวังเรื่องอาหารและน้ำดื่มเป็นพิเศษ ไม่รับประทานของสุกๆ ดิบๆ หากไม่แน่ใจเรื่องความสะอาดก็ไม่ควรลอง

Q: ปีนี้ผมอายุ 50 แล้ว คุณหมอแนะนำว่าควรส่องกล้องลำไส้ใหญ่เพื่อตรวจหามะเร็ง ซึ่งผมค่อนข้างกังวล ไม่ทราบว่าจะมีวิธีตรวจแบบอื่นอีกไหมครับที่ให้ผลไม่ต่างกัน


A: สถิติล่าสุดจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่าในจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่นั้น ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนักมีมากเป็นอันดับสองรองจากมะเร็งเต้านม โดยเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงและส่วนใหญ่ผู้ป่วยอยู่ในวัย 50 ปีขึ้นไป ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงก็ควรเข้ารับการตรวจตามคำแนะนำ

ปัจจุบัน มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่หลายวิธี นอกเหนือจากการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ หรือ Colonoscopy แล้ว ก็ยังมีการตรวจหาเลือดในอุจจาระ การส่องกล้องบริเวณลำไส้ส่วนปลาย และการเอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นต้น

แต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย แต่โดยทั่วไปแล้ว Colonoscopy ถือเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยและให้ความแม่นยำสูง นอกจากนี้ก่อนการตรวจผู้ป่วยจะได้รับยานอนหลับอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรน่ากังวล


 

รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

Related Health Blogs