มะเร็งปากมดลูก มะเร็งร้ายที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV กว่า 99 เปอร์เซ็นต์ของมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี (Human papilloma virus infection) สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง และผู้หญิง 4 ใน 5 คน มีโอกาสติดเชื้อเอชพีวีในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของชีวิต สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน หรือ ตรวจคัดกรอง
มะเร็งปากมดลูกพบบ่อยแค่ไหนในผู้หญิงไทย?
มะเร็งปากมดลูกถือเป็น มะเร็งอันดับ 2 ของผู้หญิงไทย รองจากมะเร็งเต้านม โดยพบได้ในผู้หญิงทุกคนที่มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ตาม
สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก
- เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus)
- ติดต่อได้จาก การสัมผัสทางผิวหนังและเพศสัมพันธ์
- ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ได้แก่: การสูบบุหรี่, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV หรือโรค SLE
เมื่อเชื้อ HPV อยู่ในร่างกาย อาจทำให้เซลล์ผิดปกติและพัฒนาเป็นมะเร็งได้
ระยะก่อนเป็นมะเร็งคืออะไร?
ในระยะก่อนมะเร็ง ผู้ป่วยยังไม่มีอาการ แต่สามารถตรวจพบได้จากการตรวจคัดกรอง หากตรวจพบและรักษาตั้งแต่ระยะนี้ จะช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกได้มาก
วิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
Pap Smear
- ใช้ตรวจเซลล์บริเวณปากมดลูก
- ควรตรวจทุก 1-2 ปี
HPV Test
- ตรวจหาเชื้อไวรัส HPV โดยตรง
- หากผลตรวจไม่พบเชื้อ สามารถเว้นระยะตรวจได้ 3-5 ปี
วิธีการรักษามะเร็งปากมดลูก
ขึ้นอยู่กับระยะของโรค
- ระยะที่ 1: ส่วนใหญ่รักษาโดยการผ่าตัด มีโอกาสหายสูงถึง 80%
- ระยะที่ 2-4: ต้องรักษาด้วยการฉายแสงร่วมกับเคมีบำบัด
การป้องกันมะเร็งปากมดลูก
การป้องกันทำได้ 3 ระดับ ได้แก่
1. การป้องกันที่ต้นเหตุ (Primary Prevention)
- การฉีดวัคซีน HPV
- ควรฉีดตั้งแต่อายุ ก่อน 12 ปี เพื่อป้องกันการติดเชื้อก่อนมีเพศสัมพันธ์
- วัคซีนช่วยป้องกันได้ถึง 70% ตลอดชีวิต - แม้จะอายุ 20-30 ปี หรือเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยังสามารถฉีดได้และมีประโยชน์
2. การป้องกันทุติยภูมิ (Secondary Prevention)
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย Pap Smear หรือ HPV Test
- ช่วยตรวจพบความผิดปกติก่อนกลายเป็นมะเร็ง
3. การป้องกันตติยภูมิ (Tertiary Prevention)
สำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งแล้ว การรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยยืดอายุและคุณภาพชีวิต
ผู้ที่ตัดมดลูกแล้ว ยังต้องตรวจหรือไม่?
- หากตัดมดลูกเพราะ มะเร็งปากมดลูก หรือ เซลล์ผิดปกติ: ต้องตรวจติดตามต่อ
- หากตัดมดลูกด้วยเหตุผลอื่น (ไม่เกี่ยวกับมะเร็ง): ไม่จำเป็นต้องตรวจ Pap Smear หรือ HPV Test แต่ควรตรวจภายในเพื่อติดตามสุขภาพรังไข่และอวัยวะสืบพันธุ์อื่น ๆ
สรุป: มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่ป้องกันได้ หากผู้หญิงเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ และฉีดวัคซีน HPV ตั้งแต่อายุน้อย จะช่วยลดความเสี่ยงได้มาก
โดย นพ. วิสิทธิ์ สุภัครพงษ์กุล
แพทย์ผู้ชำนาญการด้านมะเร็งนรีเวชวิทยา สูติศาสตร์ และนรีเวชวิทยา
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 28 สิงหาคม 2568