ข้อควรจำ : การนอนหลับวันละ 8 ชั่วโมงจะช่วยให้ความจำ ดีขึ้น นี่เป็นผลจากงานวิจัยชิ้นล่าสุดของ The American Academy of Neurology ซึ่งทำกับกลุ่มทดลองจำนวน 48 คนที่มีอายุ ระหว่าง 18 - 30 ปี ทุกคนไม่เคยมีปัญหาเรื่องการนอนหลับ และไม่ได้รับประทานยาชนิดใด ๆ
กลุ่มตัวอย่างถูกแบ่งออกเป็น “ กลุ่มตื่น” และ “ กลุ่มหลับ” ทั้งสองกลุ่มถูกสอนให้จดจำคำศัพท์เหมือน ๆกันจำนวน 20 คู่ โดย “ กลุ่มตื่น” ถูกสอนคำศัพท์ตอนเช้าเวลา 9.00 น.และทดสอบความจำในเวลา 21.00 น . หลังจากที่ตื่นมาตลอด 12 ชม . ขณะที่ “ กลุ่มหลับ” ถูกสอนคำศัพท์ในเวลา 21.00 น . และถูกทดสอบความจำเวลา 9.00 น . ของเช้าวันถัดไป
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า “ กลุ่มหลับ” สามารถจดจำคำศัพท์เป็นคู่ ๆ ได้มากกว่า “ กลุ่มตื่น” ถึงร้อยละ 12 ฉะนั้น เพียง แค่นอนหลับให้สนิทก็ช่วยให้ความจำดีขึ้นได้จริง ๆ
ข่าวดีของคนชอบกินไข่
ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูงมาพักใหญ่ ล่าสุด “ ไข่ ” กำลังจะกลับมาเป็นอาหารยอดนิยมอีกครั้ง หลังจากที่นัก วิจัยจากมหาวิทยาลัยอริโซนาได้นำผลงานวิจัยเกี่ยวกับอาหารจำนวน 224 ชิ้นในรอบ 25 ปีนี้มาตรวจสอบร่วมกับการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพถึง 117,000 คนในช่วงระยะเวลา 8 - 14 ปีและพบว่า ไข่ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจ
ไข่เป็นอาหารที่ “ เกือบจะสมบูรณ์แบบ ” ไข่ขนาดกลางจะมีแคลอรี่ประมาณ 70 แคลอรี่ และเต็มไปด้วยวิตามิน เกลือแร่ และลูเทอีน ( สารที่ช่วยลดความเสื่อมของร่างกายจากโรคชราและโรคต้อกระจก) สูง นอกจากนี้ไข่ยังปราศจากไขมันสังเคราะห์ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คอเลสเตอรอลในเลือดสูงอีกด้วย ไข่ขาวนั้นให้โปรตีนสูงกว่านมและเนื้อสัตว์ ดังนั้นการรับประทานไข่วันละหนึ่งฟอง ( เลือกไข่ต้มสุกแทนการทอด) จึงเป็นทางเลือกที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างยิ่ง
ควันบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อม
แม้หลายประเทศจะประกาศให้การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่การพิสูจน์อันตรายของการสูดดมควันบุหรี่เข้าไปแม้ไม่ได้สูบเอง ก็ยังคงมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนักวิจัยจาก Boston’s Neurology Academy พบว่าการสูดดมควันบุหรี่อย่างเดียวก็ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้
จากการติดตามกลุ่มทดลองจำนวน 3,602 คนซึ่งมีอายุ 65 ปีขึ้นไปเป็นเวลา 6 ปีเพื่อดูว่าแต่ละคนมีโอกาสสูดดมควันบุหรี่มากน้อยแค่ไหน และมีสัญญาณใด ๆ ที่บ่งบอกถึงอาการของโรคความจำเสื่อมหรือไม่ นักวิจัยพ บว่า กลุ่มทดลองที่สู ดดมควันบุหรี่มาก (มากกว่า30 ปี ) มีโอกาสเป็นโรคความจำเสื่อมมากกว่าคนที่สูดดมควันบุหรี่น้อยหรือไม่ได้สูดดมเลยถึงร้อยละ 30
นี่คือหนึ่งในงานวิจัยชิ้นแรก ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่เลยแต่หากอยู่ ในสภาพแวดล้อมที่ต้องสูดดมควันบุหรี่ก็มีโอกาสมากในการเป็นโรคความจำเสื่อม งานวิจัยชิ้นนี้จึงช่วยสนับสนุนการห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะและยังชักจูงให้คนสูบบุหรี่น้อยลงอีกด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: