bih.button.backtotop.text

เข้าใจภาวะลิ้นติด ปรึกษาแพทย์บำรุงราษฎร์

พบบ่อยแค่ไหน?

แม้ยังไม่มีมาตรฐานชัดเจนในการวินิจฉัย แต่มีรายงานว่าอุบัติการณ์พบได้ประมาณ 1.7–10.7% โดยมักพบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง


สัญญาณที่ควรสังเกต

  • ทารกดูดนมได้ยากหรือดูดนานผิดปกติ
  • น้ำหนักขึ้นน้อยกว่ามาตรฐาน
  • มารดาอาจมีอาการเจ็บหัวนมหรือเต้านม โดยอาการนี้อาจเกิดได้แม้ทารกจะไม่มีภาวะลิ้นติด


ตรวจได้อย่างไร?

กุมารแพทย์จะตรวจดูในช่องปากของลูก หากเห็นว่าเนื้อเยื่อใต้ลิ้นยึดปลายลิ้นมากกว่าปกติ ทำให้ลิ้นมีลักษณะเว้าคล้ายรูปหัวใจ และขยับได้จำกัด ก็จะวินิจฉัยว่าลิ้นติด


ต้องผ่าตัดทุกคนไหม?

  • ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดทุกราย โดยเฉพาะในทารกที่ยังสามารถดูดนมได้ แม้จะมีภาวะลิ้นติด
  • เริ่มจากการปรับท่าอุ้มและท่าให้นมอย่างเหมาะสม โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการให้นมแม่จะให้คำแนะนำและติดตามผลอย่างใกล้ชิด
  • ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ทีมแพทย์จะพิจารณาวิธีการดูแลและรักษาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคล โดยจะพยายามแก้ไขด้วยวิธีอื่นก่อน เพื่อให้ลูกสามารถดูดนมได้ดีโดยไม่ต้องผ่าตัด และจะพิจารณาการผ่าตัดเฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
  • การผ่าตัดขริบพังผืดใต้ลิ้นเป็นหัตถการเล็ก ใช้เวลาไม่นาน ปลอดภัย และมักไม่มีภาวะแทรกซ้อน โดยทั่วไปแนะนำให้ทำเมื่อทารกอายุประมาณ 2–3 สัปดาห์ขึ้นไป


มีผลต่อการพูดหรือการนอนของลูกหรือไม่?

จากข้อมูลทางการแพทย์ในปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าภาวะลิ้นติดเพียงอย่างเดียวจะทำให้เด็กพูดไม่ชัดหรือมีปัญหาการออกเสียง และยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดว่าเกี่ยวข้องกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วยเช่นกัน


สรุป

หากพ่อแม่สงสัยว่าลูกอาจมีภาวะลิ้นติด ควรปรึกษากุมารแพทย์เพื่อประเมินและรับคำแนะนำที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกได้รับน้ำนมเพียงพอและเติบโตสมวัย
ดูแลลูกน้อยตั้งแต่ก้าวแรกของชีวิต ด้วยทีมกุมารแพทย์ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

เรียบเรียงโดย  ศ.พญ. อรดี จันทวสุ



 
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

แก้ไขล่าสุด: 15 กรกฎาคม 2568

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

Related Health Blogs