ในการป้องกันเชื้อ RSV มี 2 วิธีหลักที่ควรรู้คือ “วัคซีน” และ “ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป” แม้เป้าหมายจะเหมือนกันคือการป้องกันโรค แต่หลักการทำงานและกลุ่มเป้าหมายต่างกัน ดังนี้
วัคซีน RSV
เหมาะกับ: ผู้ใหญ่ทั่วไป / ผู้สูงอายุ / หญิงตั้งครรภ์ช่วง 32–36 สัปดาห์
- กระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นเอง
- ต้องใช้เวลาหลังฉีด 2–4 สัปดาห์ก่อนที่ภูมิคุ้มกันจะเริ่มทำงาน
- • ช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยหนักหากติดเชื้อ
- • หญิงตั้งครรภ์สามารถถ่ายทอดภูมิจากวัคซีนสู่ทารกในครรภ์ได้
ข้อดี: ป้องกันได้ระยะยาว และช่วยสร้างภูมิให้กับแม่และลูกในครรภ์
ภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (Monoclonal Antibody)
เหมาะกับ: ทารกแรกเกิด – 2 ปี / เด็กกลุ่มเสี่ยง
- เป็นการฉีดสารภูมิคุ้มกัน (antibody) โดยตรง
- ออกฤทธิ์ป้องกันได้ทันทีหลังฉีด
- เหมาะกับเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอจะตอบสนองต่อวัคซีน
- ใช้ในช่วงที่เสี่ยงติดเชื้อ RSV สูง เช่นช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว
ข้อดี: ป้องกันเฉพาะหน้าได้เร็ว เหมาะสำหรับเด็กที่ยังไม่สามารถฉีดวัคซีนได้หรือมีความเสี่ยงสูง
เรียบเรียงโดย นพ. กัลย์ กาลวันตวานิช
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
แก้ไขล่าสุด: 07 กรกฎาคม 2568