bih.button.backtotop.text

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขย้ำความร่วมมือระบบการควบคุมป้องกันโรคติดต่อ “รัฐ-เอกชน มาตรฐานเดียวกัน”

06 กรกฎาคม 2558

กระทรวงสาธารณสุข ชื่นชมรพ.บำรุงราษฎร์ ที่ให้ความร่วมมือควบคุมป้องกันโรค ไม่มีบุคลากรติดเชื้อเมอร์สแม้แต่รายเดียว คงมาตรการเข้มป้องกันโรคอย่างต่อเนื่องทุกพื้นที่ สร้างความเข้มแข็งระบบการควบคุมโรครัฐและเอกชน เป็นหนึ่งเดียว ตอกย้ำความมั่นใจประชาชน ป้องกันภัยโรคติดต่อ

ข่าวกระทรวง (www.thaigov.go.th) - วันนี้ (6 กรกฎาคม 2558) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และคณะผู้บริหารจากกระทรวงสาธารณสุข เยี่ยมชมมาตรการบริหารจัดการการป้องกันโรคเมอร์สของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์และให้กำลังใจบุคลากร 
 
    
ศ.นพ.รัชตะกล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พบว่าได้ดำเนินมาตรการควบคุมป้องกันโรคติดต่ออย่างเป็นระบบ ตั้งแต่จุดรับผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาล มีห้องแยกโรค เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติมีระบบการป้องกันตนเองตามมาตรฐานป้องกันโรคติดต่อ แสดงให้เห็นศักยภาพของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ซึ่งมีความเข้มแข็ง สามารถป้องกันและควบคุมโรคเมอร์ส ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงอย่างได้ผลดี ไม่พบบุคลากรการแพทย์ติดเชื้อแม้แต่รายเดียว และไม่มีการแพร่กระจายไปสู่ชุมชน จึงขอชื่นชมในความร่วมมือป้องกันควบคุมโรคในครั้งนี้ ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งขยายความร่วมมือกับรพ.เอกชนทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันโรคติดต่อต่างๆ ซึ่งจากการติดตามการดำเนินงานของโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งในกรุงเทพ ปริมณฑล และพัทยา พบว่าทุกแห่งให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขเป็นอย่างดี  
 
 
ศ.นพ.รัชตะกล่าวต่อว่า แม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีการระบาดของโรคเมอร์ส แต่ยังต้องคงมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เนื่องจากขณะนี้ยังมีการแพร่เชื้อและการป่วยโรคเมอร์สในตะวันออกกลาง และมีผู้เดินทางระหว่างตะวันออกกลางกับภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งอาจนำเชื้อไปแพร่กระจายต่อไปได้ กระทรวงสาธารณสุข จึงต้องคงมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
  1. การเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองผู้เดินทางที่ด่านเข้า-ออกระหว่างประเทศ

  2. ให้รพ.ทุกแห่งทั้งรัฐ และเอกชน ใส่ใจค้นหาผู้ป่วย รวมทั้งเตรียมความพร้อมการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อวินิจฉัยให้รู้ผลภายใน 5-8 ชั่วโมง จัดเตรียมห้องแยกควบคุมการติดเชื้อ และกำชับบุคลากรให้ยึดมาตรการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัด

  3. ให้ทุกจังหวัดเตรียมพร้อมทีมเคลื่อนที่เร็ว เพื่อเฝ้าระวัง สอบสวนและควบคุมโรคอย่างรวดเร็ว 4.ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจแก่ประชาชน เพื่อการป้องกันโรคและหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนก ประชาชนสามารถโทรปรึกษาที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และ 5.ให้การดูแลสุขภาพผู้ที่จะเดินทางไปประกอบพิธีทางศาสนาในประเทศที่มีรายงานการระบาด โดยฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่และกาฬหลังแอ่น และให้ความรู้ในการป้องกันโรค ล่าสุดองค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์โรคเมอร์สทั่วโลกตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 ถึง 3 กรกฎาคม 2558 มีรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 1,365 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 487 ราย             
 
    Scroll for more